what is lomo ? โลโม่คืออะไร?


คืนวันที่ 22 ตุลาคม ปี ค.ศ. 1998 เป็นคืนที่ร้อนแรงที่สุดในปฏิทินงานสังคมของฤดูใบไม่ร่วง เพราะว่าเป็นวันที่จัดงานปาร์ตี้โลโม่กันนอกชายคา ณ โรงแรมที่ยังไม่เผยชื่อออกมา จะมีวงแจ๊สสามชิ้นจากสวีเดน นาม เดอะ บุลคิน และกลุ่มนักดนตรีที่คัดสรรแล้วจาก ไคโรแจ๊สคลับ มาขับกล่อมตั้งแต่สามทุ่ม ไปพร้อมกับสไลด์โชว์ภาพถ่ายโลโม่จากทั่วทุกมุมโลก

โลโม่คืออะไรกันแน่?มันก็คือรูปที่ถ่ายด้วยกล้อง แอล ซี เอ (LC-A หรือ Lomo Compact Automatic) กล้องสัญชาติรัสเซียตัวเล็กที่เข้ามาในอียิปต์เมื่อปีก่อนหน้า ทำให้เกิดกระแสฮิตนิดๆ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนถึงขณะนี้ Lomographic Society International สาขากรุงไคโร มีสมาชิกมากกว่า 90 คนแล้ว และอีกหลายร้อยคนที่เข้าชมงานแสดงภาพถ่ายโลโม่ ด้วยสมาชิกกว่า 4 หมื่นคนทั่วโลก การถ่ายภาพโลโม่จึงกลายเป็นวัฒนกรรมอย่างหนึ่ง คนมีกล้องโลโม่ ไม่ใช่แค่มีกล้องถ่ายรูป คนถ่ายภาพโลโม่ ไม่ใช่แค่ถ่ายภาพธรรมดา คนที่ถ่ายรูปแนวโลโม่ ก็เรียกตัวเองว่าตากล้องโลโม่ ไม่ใช่ตากล้องเฉยๆ อะไรทำให้คนคิดว่ากล้อง Low-Tech แบบนี้ดูเท่นัก ถ่ายรูปจากระดับเอว ถ่ายไปไม่ต้องคิด ภาพถ่ายโลโม่เป็นอะไรที่เป็นธรรมชาติ บ่อยครั้งที่ไม่มีโฟกัส หรือของที่ถ่ายไม่ได้อยู่ในเฟรมทั้งหมด คุณไม่มีวันแน่ใจได้ว่ารูปจะออกมาเป็นอย่างไรจนกว่าจะล้างอัดออกมา (บางทีอัดออกมาแล้วยังงงๆ) ภาพถ่ายโลโม่ถ่ายตั้งแต่อวัยวะของร่างกาย (การถ่ายรูปเท้าเป็นที่นิยมมาก)สัตว์ต่างๆ ไปจนถึงรถยนต์ เด็กๆ ไปจนถึงคนแก่อายุ 80 ถ่ายวิวทิวทัศน์ ทะเล และท้องฟ้า
งานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชาวโลโม่ในรอบปีคือ โลโม่ เวิร์ลด์ คองเกรส (Lomography World Congress) จัดขึ้นที่เมืองโคโลญจ์ ประเทศเยอรมนี เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน Photokina International Fair ภายในงานมีสไลด์โชว์ภาพถ่ายของชาวโลโม่ ซึ่งจะเปิดในงานปาร์ตี้ที่ไคโรบริษัท Leningrad State Optical-mechanical Organization หรือเรียกสั้นๆ ว่า LOMO(โลโม่) เริ่มธุรกิจหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง ผลิตเลนส์ให้กับกองทัพรัสเซีย รวมถึงเลนส์กล้อง แอล ซี เอ ในช่วงต้นทศวรรษที่ 90 แมทเทียส ฟีกัล (Matthias Fiegl) ไปเจอกล้องชนิดนี้ที่ร้านในกรุงปราก สาธารณรัฐเชค พอเดินทางกลับออสเตรีย แมทเทียส และเพื่อนร่วมห้อง วูฟกัง สตรันซิงเกอร์ (Wolfgang Stranzinger) ถ่ายรูปเพื่อนที่ปาร์ตี้ บางทีก็ไม่ได้เล็งก่อนถ่ายภาพ ภาพที่ออกมาดูแปลกมากและเตะตามากจนพวกเขาตัดสินใจที่จะแสดงผลงานในโรงรถที่ บ้าน เพื่อนๆ พากันมาดูและชอบรูปแปลกที่แสดง และอยากมีกล้องแบบนั้นบ้าง หลังจากนั้น แมทเทียสและวูฟกังจึงก่อตั้งโลโม่สโมสร หรือ Lomographic Society ที่ออสเตรีย และเริ่มหาร้านเพื่อซื้อกล้อง งานใหญ่ของ Lomographic Society งานแรกได้ขึ้นพาดหัวข่าวในปี ค.ศ. 1994 ซึ่งมีขึ้นพร้อมๆ กันกับงานแสดงผลงานในนิวยอร์ค และมอสโคว์ ซึ่งแต่ละงานแสดงภาพถ่ายกว่า 10,000 ภาพ

มารู้จักกล้องโลโม่กันเรื่องราวทั้งหมดของ lomography เกิดขึ้นวันหนึ่ง ณ เมือง St. Petersburg ใน ปี 2525 (1982) นายพล อีกอร์ เปรโตรวิช คอร์นิสกี้, มือขวาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและอุตสาหกรรมของ รัสเซีย ได้นำเอากล้องญี่ปุ่นตัวหนึ่งชื่อว่า Cosina CX-1,,CX-2 มาให้กับสหายในพรรคคอมมิวนิสต์ ชื่อว่า นาย มิเชล พาฟิโลวิช พาฟิลอฟ นาย พาฟิลอฟ ซึ่งเป็นหัวหน้าใหญ่ของโรงงาน lomo ที่ผลิต len และ อาวุธของรัสเซีย
ทำการตรวจสอบกล้อง cosina นี้อย่างละเอียด แล้วพบว่า มันประกอบไปด้วย len ที่ไวแสงและคมชัดกับบอดี้ที่ทนทานแข็งแรง เขาทั้งสองท่านนี้ได้เห็นประโยชน์และความสำคัญของกล้องเล็กๆ ประเภทนี้ จึง ได้สั่งให้ก๊อป X -->และพัฒนาในเรื่องของ design และผลิตออกมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อความพึงพอใจ ของความรุ่งโรจน์ทางคอมมิวนิสต์ในขณะนั้น มันถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ชาวคอมมิวนิสต์ทุกคนมีติดตัวไว้
เพื่อเป็น เครื่องมือบันทึกเหตุการณ์ชีวิตชาวรัสเซีย และบ้านเมืองที่เกิดขึ้นในระยะเวลานั้น นั้นคือต้นกำเนิดของ LOMO LC-A จากนั้นมันก็ได้ถูกผลิตออกมามามาย และจำหน่ายให้แกสมาชิกคอมมิวนิสต์ทุกคน
ทั้ง ในรัสเซีย และที่อื่นๆ เช่น เวียดนาม,คิวบา, เยอรมันตะวันตก ฯลฯ ช่วงปี 1980 เรียกได้ว่าเป็นยุคทองของ LOMO LC-A กล้อง LC-A เป็นกล้องออโตเมติกขนาดเล็ก ที่ให้ความเชื่อใจได้ หลายๆคนที่ยังไม่เคย มีประสบการณ์กับกล้องนี้ อาจจะต้องศึกษาลึกลงไปอีกสักนิด และจะได้พบกับ คุณสมบัตืเฉพาะตัวที่เหลือเชื่อ ด้วย len "Minitar 1" ที่ถูกออกแบบโดย ศาสตราจารย์ ราดิโอนอฟ ให้มีคุณสมบัติ สร้างสีสรรบน film ให้สดใส และเก็บภาพมุม กว้าง, ระบบคำนวณแสงออโตเมติก ซึ่งในขณะนั้น มีเพียงในเฉพาะกล้องราคา แพงเท่านั้น ทำให้ LC-A สามารถใช้งานได้ในสภาพแสงหรือสถานการณ์ทุกรูปแบบ และด้วยขนาดกระทัดรัด ทำให้สามารถพกติดตัวไปด้วยได้ ตลอดเวลา นอกเหนือจากนั้น ในส่วนของการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกและวัสดุที่ใช้ในการผลิตก็ทำให้ LC-A เป็นกล้องที่มีความแตกต่าง และดูพิเศษมากกว่ากล้องทั่วไปจนกระทั่ง ในปี 1992 Lomographic Society (Lomographische Gesellschaft) ได้ถือกำเนิดขึ้นที่เมืองเวียนนา ประเทศออสเตรีย ด้วยจุดประสงค์ที่ต้องการจะเผยแพร่ความหมาย ของ Lomography ให้กระจายไปทั่วโลก งานแสดงศิลปะ,งานสังสรรค์,งานกิจกรรมต่างๆ และ การนำเที่ยว ได้ถูกจัดทำขึ้น และนำผู้รวมแนวทางเข้ามามากมาย "Lomo Embassies" หรือ ท่านทูต Lomo ประจำประเทศต่างๆ ได้ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อ เป็นตัวแทนในการจัดกิจกรรม และส่งข่าวในประเทศนั้นๆ ผลตอบรับที่ได้นั้น จนบัดนี้ มากเกินความคาดหมาย กลุ่ม ชุมนุมต่างๆ ที่เกี่ยวกับ Lomo เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มากมาย ไร้ขอบเขต พร้อมๆกับผลงานภาพถ่ายจากทั่ว โลกที่หลากหลาย แหวกแนว งดงาม แต่ทั้งหมดชี้ให้เห็นถึงความรักในการ แสดงออก และหลงใหลใน Lomography อย่างแท้จริง สมัยนี้ยังมีคนที่นิยมใช้กล้องโลโม่ถ่ายนู้นถ่ายนี้อยู่ ผู้คนเหล่านี้จะแบ่งปันรูปถ่ายและประสบการณ์กันประจำ โดยผ่าน Lomographic Society

ความคิดเห็น

  1. ไม่ระบุชื่อ7 พฤษภาคม 2553 เวลา 22:14

    ข้อมูลดีจังน่าสนใจดี

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ16 พฤษภาคม 2553 เวลา 23:40

    อยากได้แต่ใช้ไม่เป็นน้่จะมีวิธีการใช้กล้องโลโม่มาแนะนำกันนะ

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณสำหรับข้อมูลคับ

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น