ข้อพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อ"กล้องดิจิตอล"

ในฐานะที่เป็นคนชอบถ่ายภาพ และบางที่มีคนมองเหมือนคนเพี้ยนๆ เพราะใช้เวลากับสิ่งที่จะบันทึกภาพเป็นเวลานาน จดๆจ้องๆ เอียงซ้ายเอียงขวา ซึ่งผมจะพยายามทำเป็นไม่เห็นเพราะไม่อยากต่อคำ แต่เมื่อได้ภาพมาโชว์ก็จะถูกขอบ่อยๆ ก็ไม่ได้คิดอะไรมากแถมแอบภูมิใจนิดๆว่าฝีมือข้านี่ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน ผมมักจะเจอคำถามจากคู่สนทนาบ่อยครั้ง ในขณะที่คุยกันถึงเรื่องกล้องถ่ายภาพ คำถามของผู้ที่จะซื้อ กล้องดิจิตอล ก็คือ จะซื้อกล้องรุ่นไหนดี คุณภาพเป็นอย่างไร คุณสมบัติครบมั๊ย ใช้ทนหรือต้องทนใช้ และสุดท้ายคุ้มเงินหรือเปล่า บางคนมีเงินเยอะซื้อกล้องจากโบรชัวร์ร้าน แต่เวลาเอามาใช้งานทำได้แค่ยกกล้องเล็ง-กดชัตเตอร์-โหลดภาพมาดู แค่นั้น!!จริงๆ แล้วมานั่งบ่นว่าภาพไม่สวยกล้องไม่ดี นั่นเป็นเพราะรวยไป ชื้อใช้โดยไม่มีเหตุผล เอาไว้แค่ออกงานแต่ใช้ไม่คุ้มราคาเสียดายแทน หากในระดับผู้ใช้จริงๆ ยี่ห้อและออฟชั่นไม่เกี่ยว ใช้อย่างเดียวคือฝีมือและความชำนาญ ภาพที่ได้ออกมาดูดีและนำไปใช้งานได้จริง มากมายครับเท่าที่เคยเห็นมา และยิ่งทุกวันนี้ซอฟแวร์ที่ใช้สำหรับตกแต่งภาพ ก็มีมากมายใช้งานง่าย เพียงคลิ๊กเม้าท์ไม่กี่คลิ๊กภาพที่ได้ก็สวยแปลกเปลี่ยน ไปจากต้นฉบับเดิมจนแทบจะจำเค้าเดิมไม่ได้ ดังนั้นหากคิดจะซื้อกล้องไว้ใช้งานซักตัว ผมมีแนวทางให้ท่านได้พิจารณาก่อนตัดสินใจทุบกระปุกเพื่อให้คุมค่าสตังค์ดังนี้ครับ
1. ถามความต้องการในการใช้งานของตนเอง
ผมเห็นหลายๆ คนเวลาซื้อ กล้องดิจิตอล ก็จะเลือกซื้อแบบที่มันแพงๆ หน่อย เพราะคิดว่ามันต้องดี แต่จากประสบการณ์ของผมแล้วมันก็ไม่จริงไปทั้งหมด ผมจะยกตัวอย่างเพื่อนคนหนึ่งซึ่ง ซื้อกล้อง digital ราคาแพงมาตัวหนึ่ง ราคาหลายหมื่นบาท เป็นกล้องแบบมืออาชีพเลยทีเดียว แต่ปรากฏว่า เวลาเอาไปใช้งานกลับไม่สะดวก เพราะตัวมันใหญ่เทอะทะ เวลาพกไปไหนก็ลำบาก เวลาถ่ายก็ต้องปรับความละเอียดให้ต่ำลง เพราะถ้าถ่ายที่ความละเอียดสูงสุด ภาพจะมีขนาดใหญ่มาก เวลาเอาลงคอมหรือปรับแต่งก็ช้ามากแถมมันก็ไม่มีความรู้เรื่องการถ่ายรูปเท่า ไหร่ ถ่ายแบบอัตโนมัติเป็นอย่างเดียว แบบนี้ก็เรียกว่าเสียเงินไปเปล่าๆ เห็นไหมครับว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ต้องทราบความต้องการของตนเองก่อนว่า ต้องการ กล้องดิจิตอล ไปใช้งานทำอะไร
- ใช้งานทั่วๆไป หมายถึงการนำไปใช้งานในการถ่ายภาพทั่วไป ถ่ายรูปเวลาไปเที่ยว เก็บภาพทั่วๆไป เป็นต้น โดยลักษณะนี้ กล้องก็ไม่จำเป็นต้องมีฟังก์ชั่นพิเศษอะไรมากมาย ความละเอียดก็ซัก 4 ล้าน pixel ก็พอแล้ว
- ใช้ในการทำเว็บไซต์ ภาพที่ลงในเว็บไซต์ ปกติก็ไม่ได้ต้องการภาพขนาดใหญ่อยู่แล้ว ปกติซัก 4 ล้าน pixel ก็เหลือเฟือ นอกจากจะนำไปใช้ถ่ายรูปที่ต้องการคุณภาพสูงมากๆ หรือเงินมันเหลือใช้ก็ตามใจ
- ใช้ในการรับจ้างถ่าพภาพตามงานต่างๆ ในการถ่ายในลักษณะนี้ แน่นอนว่าคงจะต้องใช้กล้องที่ดีหน่อย จริงๆควรจะเป็น กล้องดิจิตอล SLR ด้วยซ้ำ ไม่ใช่ว่ากล้องดิจิตอลแบบ compact ไม่ดีพอ แต่แน่นอน คนจ้างคงอยากจ้างคนที่มีกล้องแบบมืออาชีพมากกว่า ซึ่งควรจะมีความละเอียดประมาณ 5-6 ล้าน pixel
- ใช้ในการทำสิ่งพิมพ์ หรืองานสตูดิโอ แน่นอนว่าคุณต้องซื้อกล้อง ดิจิตอล SLR ซักตัว เพื่อที่จะได้ปรับค่าต่างๆ เปลี่ยนเลนส์ แฟลซ หรืออุปกรณ์เสริมอื่นๆได้ตามใจ ความละเอียดก็ไม่ควรต่ำกว่า 5 ล้าน Pixel
2.เลือก คุณสมบัติของกล้อง คุณควรรู้จักค่าคุณสมบัติของกล้องเหล่านี้ เวลาไปเลือกซื้อ เพื่อที่จะเลือกกล้องได้เหมาะสมกับความต้องการมากที่สุด
- ความละเอียด ความละเอียด ขนาดของภาพเมื่อนำไปอัด เหมาะกับ
2 Megapixels 5 x 7 นิ้ว (รูปถ่าย ขนาดปกติ) ถ่ายภาพทั่วไป ทำเว็บ
3 Megapixels 8 x 10 นิ้ว ถ่ายภาพทั่ว ไป งานที่ต้องการคุณภาพพอสมควร
ตั้งแต่ 4 Megapixels กระดาษ A4 ขึ้นไป งานสิ่ง พิมพ์ งานนิตยสาร งานที่ต้องการคุณภาพของงานสูงๆ
- ความสามารถในการซูมโดยปกติ เราจะเห็นว่ามีการเขียนถึงรูปแบบการซูมอยู่ 2 อย่างคือ Optical zoom กับ Digital zoom โดยจำไว้ว่า ไม่ต้องสนใจกับค่า digital zoom โดยการ zoom แบบนี้เป็นการขยายรูปจากไฟล์ภาพธรรมดา ซึ่งเราสามารถใช้คอมพิวเตอร์ทำทีหลังได้อยู่แล้ว แต่ให้สนใจค่า Optical zoom ซึ่งเป็นการ Zoom จากเลนส์จริง ซึ่งแน่นอน ยิ่ง zoom ได้มากก็ยิ่งดี
- เรื่องของ Battery แน่นอน แบตเตอรี่นั้นก็สำคัญมากๆ เพราะหากแบตเตอรี่หมด กล้องดิจิตอล ก็ไม่ต่างจากเครื่องประดับธรรมดาๆ ควรพิจารณาดูด้วยว่าแบตเตอรี่ที่ใช้นั้น เป็นแบบไหน แนะนำอย่างยิ่งให้ใช้แบตเตอรี่แบบที่ชาร์จไฟได้ เพราะจะถ่ายภาพได้นานกว่า และไม่เปลืองสตางค์อีกด้วย อายุการใช้งานก็สำคัญเช่นกัน ควรดูด้วยว่ากล้องรุ่นนั้นเมื่อชาร์จไฟเต็มแล้ว สามารถถ่ายภาพได้กี่ภาพแบตเตอรี่จึงหมด โดยปกติก็ไม่ควรน้อยกว่า150-200 ภาพเป็นอย่างน้อย
- ความสามารถในการปรับแบบ Manual การปรับค่าแบบ Manual จะอนุญาตให้คุณ สามารถปรับค่าบางอย่างได้เอง เช่น ค่าความกว้างของรูรับแสง ความเร็ว ชัตเตอร์ เป็นต้น ซึ่งถ้าคุณอ่านแล้วไม่รูว่าค่าเหล่านี้คืออะไร ความสามารถในการปรับแบบ Manual นี้ ก็คงไม่จำเป็นสำหรับคุณ
- ขนาด รูปร่าง และน้ำหนัก คุณควรจะพิจารณา ขนาด รูปร่าง และน้ำหนักของกล้องด้วยว่าเหมาะสมกับคุณหรือว่าถูกใจคุณรึเปล่า ซึ่งอันนี้คงต้องพิจารณาเอาเองแล้วละครับ
3. ตั้งงบประมาณในการซื้อกล้อง จริงๆ แล้วในตอนแรก ผมกะว่าจะเอาข้อนี้เป็นข้อแรกอยู่เหมือนกัน เพราะมันน่าจะสำคัญที่สุด สำหรับคนส่วนใหญ่ เอาเป็นว่าตอนนี้คุณก็คงพอจะรู้แล้ว ว่ากล้องดิจิตอลที่คุณต้องการนั้นควรมีคุณสมบัติยังไง ทีนี้ก็ลองตั้งงบประมาณดูนะครับ ว่าคุณมีเงินที่จะซื้อกล้องเท่าไหร่ และจะซื้อรุ่นไหนที่คุณสมบัติตรงและอยู่ในงบประมาณได้บ้าง อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋าของแต่ละคนครับ
4. ดูตัวอย่างภาพที่ถ่ายจากกล้องที่ต้องการซื้อ อันนี้ก็สำคัญนะ ครับ จากประสบการณ์ของผมบอกได้เลยว่า บรรดากล้องยี่ห้อดังๆ ทั้งหลายในราคาใกล้เคียงกัน คุณภาพมักไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่ภาพนี่สิ แต่ละยี่ห้อก็จะมีเอกลักษณ์ของตัวเอง บางยี่ห้อสีของรูปดูเป็นธรรมชาติ บางยี่ห้อสีสันสดใส บางยี่ห้อสีโทนออกนุ่มๆ ซึ่งถ้าถามว่าอันไหนสวยกว่ากัน ผมก็ตอบไม่ได้ ดังนั้นอย่าไปฟังใครพูดว่ายี่ห้อไหนสวยกว่ากัน จงดูด้วยตาของตัวเองดีกว่าจะได้ถูกใจคุณที่สุด
5. เปรียบเทียบราคากล้องรุ่นที่คุณสนใจเมื่อคุณทราบแล้วว่จะซื้อกล้องรุ่นไหน ที่สำคัญอย่าลืมดูราคาหลายๆร้าน ซึ่งโดยปกติแล้ว ไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องซื้อกับร้านใหญ่ๆหรือว่าต้องซื้อในห้าง เพราะถ้ากรณีรับประกันศูนย์มันก็ไม่ต่างกันอยู่แล้ว ดังนั้นควรพิจารณาร้านที่ขายราคาถูก น่าเชื่อถือ และเดินทางไปที่ร้านสะดวก(ใกล้บ้าน)เวลาของมีปัญหาจะดีกว่า อ้อ ที่สำคัญอย่าลืมดูด้วยว่าของแถมแต่ละร้านมีอะไรบ้าง เพราะบางร้านอาจจะขายถูก เพราะไม่แถมอุปกรณ์ที่จำเป็นบางอย่าง เช่นหน่ายความจำ เป็นต้น จึงควรถามให้แน่ใจก่อน
6. ดูการรับประกัน การรับประกันนี้สำคัญมากๆ ครับ เพราะ อุปกรณ์ถ่ายรูปแบบอิเลคทรอนิคมีโอกาสเสียง่ายกว่าอุปกรณ์ถ่ายรูปที่เป็นกลไก ที่ไม่ซับซ้อนแบบเดิมๆ ดังนั้นเราควรพิจารณาให้ดี ซึ่งการรับประกันจะมี 3 แบบคือ
- ประกันศูนย์ หมายถึงรับประกันโดยเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้ง จากเจ้าของผลิตภัณฑ์โดยตรง ซึ่งแบบนี้ก็ไม่ต้องพิจารณาอะไรมาก เพราะเค้าจะมีศูนย์ซ่อมและอะไหล่ไว้บริการเวลาเครื่องเสียอยู่แล้ว
- ประกันร้าน แบบนี้หมายถึง ทางร้านนำกล้องเข้ามาขายเอง ไม่ได้ผ่านตัวแทนจำหน่ายโดยตรง จึงได้ราคาถูกกว่า เพราะไม่ต้องกันราคาไว้ตั้งศูนย์บริการหลังการขาย แต่ก็เสี่ยงกว่า ในแบบนี้แน่นอนถ้าเสียทางร้านก็คงต้องเป็นคนรับผิดชอบ ซึ่งก็คงยากมากที่จะซ่อมเร็วกว่าศูนย์ และในบางกรณีอาจโดนโบ้ยได้ (โบ้ยเป็นภาษาจีนแปลว่าไม่รับผิดชอบ) จึงต้องพิจารณาร้านที่จะซื้อให้ดี แนะนำว่าถ้าราคาไม่ถูกกว่ามากนัก ก็ซื้อแบบประกันศูนย์เถอะครับ สบายใจกว่า
- ประกันแบบตัวใครตัวมัน โดยแบบนี้เห็นบางราย นำเข้ามาขายในลักษณะหิ้วเข้ามาจากต่างประเทศ ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้มีอาชีพขายกล้องโดยตรง แน่นอนราคาถูกกว่า(แต่ผมว่าก็ไม่เท่าไหร่) แต่แบบนี้เวลาเสียขึ้นมาคิดหรือว่าเค้าจะหิ้วกล้องของคุณไปที่ต่างประเทศ เพื่อเอาไปซ่อมให้ ฝันกลางวันแน่ๆ
ท้ายสุดนี้ก็ ขอให้ทุกท่านเลือกซื้อกล้องได้ถูกใจถูกราคาและคุ้มค่าเงินนะครับ

ความคิดเห็น